นโยบายส่วนบุคคลและข้อกำหนดในการใช้บริการ

นวด เดลิเวอร์ แอปพลิเคชัน ให้บริการโดยบริษัท บีเอ็น เดลิเวอรี่ จำกัด (“บริษัท”) เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่รวบรวมและนำเสนอบริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละคน ผ่านแอปพลิเคชัน นวด เดลิเวอร์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ของบริษัท ในการเป็นสื่อกลางในการจองบริการนวดผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
บริษัทขอเรียนให้ท่านทราบว่า บริษัทเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและผู้ให้บริการนวด และตระหนักดีว่าข้อมูลส่วนบุคคลของทุกท่านมีความสำคัญที่จะต้องได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดและ วิธีการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลในทีนี้ หมายถึงข้อมูลต่าง ๆ ของท่านในการทำการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน นวด เดลิเวอร์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ของบริษัท การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท คุกกี้ และข้อมูลการทำรายการ รวมทั้งการเข้าทำสัญญาบริการกับบริษัทสำหรับผู้ให้บริการนวด ที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Policy) นี้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยบริษัทมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะ ' ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ' ส่วนท่านมีฐานะเป็น ' เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ' ตามกฎหมายนี้

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและแอปพลิเคชันของบริษัทเท่านั้น

ข้อ 1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ ข้อมูลที่ท่านให้ไว้โดยตรงจากการลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน นวด เดลิเวอร์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ของบริษัท การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท และข้อมูลการทำรายการของผู้ใช้ เพื่อรับบริการ รวมทั้งการเข้าทำสัญญาบริการกับบริษัทสำหรับผู้ให้บริการนวด

ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวรวมถึง
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง ภาพถ่ายโปรไฟล์ หนังสือรับรองเกียรติบัตร/วุฒิบัตร
ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์ ชื่อผู้ใช้งาน social media platform ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงินและบัตรเครดิตของผู้ใช้ ข้อมูลรายละเอียดบัญชีธนาคาร (ชื่อเจ้าของบัญชี หมายเลขบัญชี ชื่อธนาคาร)
ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น ชื่ออุปกรณ์ที่ใช้งาน / browser ที่ใช้งาน IP Address MAC Address Cookie ID
ข้อมูลอื่น ๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลของผู้ให้บริการนวดในการเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง ภาพถ่าย ชื่อผู้ใช้งาน social media platform ชื่อธุรกิจ ข้อมูลใบอนุญาตประกอบกิจการสถานที่ทำงาน ชื่อนาม สกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของกิจการ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์
ในกรณีที่ท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านจะต้องดำเนินการแจ้งต่อบริษัท เพื่อให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้อง ทันสมัย สมบูรณ์มากที่สุด หากท่านไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อบริษัท ถือว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทควบคุมดูแลเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย และสมบูรณ์ โดยท่านได้สละสิทธิในการโต้แย้งหรือดำเนินการทางกฎหมายต่อบริษัทต่อความไม่ถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

ข้อ 2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูล
บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการของบริษัท และเพื่อการอื่นที่จำเป็นภายใต้กฎหมาย ดังต่อไปนี้
- เพื่อให้บริการหรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่บริษัทมีต่อผู้ใช้และผู้ให้บริการนวด
- เพื่อตอบสนองคำร้องขอของผู้ใช้ สื่อสารกับผู้ใช้ และให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค
- เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้และผู้ให้บริการนวด และป้องการสแปม หรือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย
- เพื่อป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำอื่น ๆ ที่อาจเป็นการกระทำที่ต้องห้าม หรือผิดกฎหมาย
- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่บริษัทมีต่อหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุม หน่วยงานด้านภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันตามกฎหมายของบริษัท
- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น หรือของนิติบุคคลอื่น
- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นในการทำหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์ให้สำเร็จลุล่วง หรือเป็นการจำเป็นเพื่อใช้อำนาจทางกฎหมายที่บริษัทได้รับสิทธิในการดำเนินการ

นอกจากนี้ บริษัทยังใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้ หรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการใช้บริการตามที่ผู้ใช้เลือกให้ความยินยอม ดังต่อไปนี้
- เพื่อปรับปรุงบริการของบริษัท และตอบสนองต่อความต้องการ และความพึงพอใจของผู้ใช้ รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการค้นคว้า และการวิเคราะห์อื่นๆ โดยการศึกษาและทำความเข้าใจการเข้าถึงบริการและใช้บริการของบริษัท
- เพื่อเสนอและมอบสินค้า บริการ ส่วนลด หรือโปรโมชั่นจากบริษัท และ/หรือคู่ค้าของบริษัทแก่ผู้ใช้
- เพื่อวิเคราะห์ ทำการตลาด และทำการโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงปรับปรุงการให้บริการและข้อเสนอส่งเสริมการขายให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

บริษัทจะไม่กระทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์อย่างอื่น ที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับท่านไว้ก่อนหรือขณะเก็บรวบรวม เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากท่าน (โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ เพื่อขอความยินยอม และจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน) หรือเป็นกรณีที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้กระทำได้

ข้อ 3. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดี โดยจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมและเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข การนำข้อมูลไปใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบ และในกรณีที่บริษัทต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น บริษัทจะดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้ผู้นั้นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ

บริษัทจะทำการขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน โดยการขอความยินยอมบริษัทจะทำโดยชัดแจ้ง เป็นหนังสือหรือทำโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยท่านมีความเป็นอิสระในการให้ความยินยอมในการที่บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะไม่กำหนดเงื่อนไขในการให้ความยินยอมเพื่อให้เข้าถึงการรับบริการ หรือเข้าทำสัญญากับบริษัท หากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นหรือเกี่ยวข้องสำหรับการเข้าทำสัญญาหรือการรับบริการนั้น หากมีความจำเป็นที่ท่านจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา หรือเพื่อต้องเข้าทำสัญญากับบริษัท บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบก่อน และจะแจ้งผลกระทบหากท่านไม่ยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท

ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น
บริษัทจะดำเนินการให้ข้อมูลของท่านนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

ข้อ 4. การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บรวบรวมส่วนบุคคล บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่านก่อน เว้นแต่กรณีที่กฎหมายให้อำนาจไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้เท่าที่จำเป็น เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการของบริษัท และ/หรือ ภาระผูกพันต่าง ๆ เท่าที่จำเป็นตามสมควรตามวัตถุประสงค์ที่ได้ชี้แจงไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้
บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นที่ไม่ใช่ของท่านโดยตรง เว้นแต่กรณีที่บริษัทได้แจ้งท่านถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นภายใน 30 วัน และได้รับความยินยอมจากท่านแล้ว หรือเป็นการเก็บรวบรวมที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือมาตรา 26
บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อท่านในทำนองเดียวกันตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บัญญัติให้กระทำได้
การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะไม่ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านก่อนที่จะได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นข้อมูลของท่านที่เก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือมาตรา 26
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทผู้ร่วมวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ การทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ การบริหารกิจการ และการส่งเสริมการตลาด เช่น การประชาสัมพันธ์กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ให้แก่ท่าน
ในกรณีที่บริษัท ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะบันทึกการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์
ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ให้บริการ ผู้รับจ้างตามสัญญา หรือตัวแทนที่ปฏิบัติหน้าที่ในนามของบริษัททั้งในและต่างประเทศ บุคคลดังกล่าวจะต้องมีมาตรฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ข้อ 5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้ก่อนหรือในขณะหรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต

5.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ทั้งนี้ การถอนความยินยอมย่อมไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว

5.2 สิทธิในการขอเข้าถึง ขอรับข้อมูลหรือสำเนาข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง หรือรับ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร

5.3 สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ ในกรณีที่กฎหมายให้อำนาจบริษัทในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน

5.4 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทไม่ดำเนินการตามคำร้องขอ บริษัทจะบันทึกคำร้องขอของท่านพร้อมด้วยเหตุผลไว้เป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์

5.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ ดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลของท่านไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน
2. เมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
3. เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านตาม ข้อ 5.3 และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ตามกฎหมาย
4. เมื่อข้อมูลของท่านได้ถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

5.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้
1. เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ
2. เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่าน แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
4. เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านของท่านตามข้อ 5.3 เพื่อพิจารณาว่าบริษัทมีอำนาจตามกฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่

5.7 สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล การใช้สิทธิละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

ข้อ 6. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการ การดำเนินงานของบริษัท หรือเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงนโยบายให้ทราบก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลง หรืออาจส่งประกาศให้ท่านทราบโดยตรง

ข้อ 7. ช่องทางติดต่อ
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ผ่านช่องทางดังนี้
อีเมล: [email protected]
โทร: 087 357 5658

เมื่อท่านได้ตกลงยอมรับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทจะถือว่าท่านยอมรับว่าการใช้บริการใด ๆ ของบริษัทถือเป็นการยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการทั้งหมด และการตกลงยอมรับดังกล่าวมีผลสมบูรณ์

ข้อกำหนดการใช้บริการ “นวด เดลิเวอร์”

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการบริการเหล่านี้ ("ข้อกำหนดในการให้บริการ") ใช้ควบคุมบัญชีของคุณบนแอปพิลเคชัน
“นวด เดลิเวอร์” รวมถึงการให้บริการและผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
นวด เดลิเวอร์ แอปพลิเคชัน ให้บริการโดยบริษัท บีเอ็น เดลิเวอรี่ จำกัด (“บริษัท”) เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่รวบรวมและนำเสนอบริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละคน ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท
เราขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่มเติมลบหรือแก้ไขข้อกำหนดในการให้บริการได้ตลอดเวลาตามดุลยพินิจของเราแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ดังนั้น คุณควรตรวจสอบข้อกำหนดในการ ให้บริการเหล่านี้เป็นระยะด้วยตนเอง
ในการใช้บริการ คุณต้องมีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และมีสิทธิตามกฎหมายในการทำธุรกรรมใด ๆ (หรือได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองตามกฎหมาย)
หากคุณกำลังใช้เว็บไซต์เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ คุณต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป และหากคุณอายุต่ำ กว่า 20 ปี คุณต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย
หากคุณกำลังใช้เว็บไซต์เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าในนามของธุรกิจ ห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือนิติบุคคลประเภทอื่น คุณต้องเป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้ใช้จะต้องใช้บัญชีโดยเป็นไปตามข้อกำหนดนี้ และข้อกำหนดและระเบียบการ (Terms and Conditions) นอกจากนี้ ผู้ใช้จะต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเมื่อใช้งานบัญชี

ข้อ 1 การสมัครใช้งาน การยืนยันตัวตน การปฏิเสธการยืนยันตัวตน และการยกเลิกการยืนยันตัวตน

1.1 ไม่ว่าผู้ใช้จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ผู้ใช้จะได้รับบัญชี (ต่อไปนี้เรียกว่า “บัญชีผู้ใช้งาน”) เพื่อใช้งานบัญชี โดยการสมัครขอใช้งานบัญชีผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนด

1.2 เมื่อผู้ใช้ได้สมัครใช้งานบัญชีผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนดและได้รับการอนุมัติจากบริษัทแล้ว บริษัทอาจจะดำเนินการยืนยันบัญชีของผู้ใช้ดังกล่าว (ต่อไปนี้จะเรียกบัญชีซึ่งได้รับการยืนยันจากบริษัทว่า “บัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับการยืนยันแล้ว”)

1.3 ในกรณีที่บริษัทเห็นว่ามีข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นกับผู้ใช้ บริษัทสามารถปฏิเสธคำขอของผู้ใช้ดังกล่าวสำหรับบัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับการยืนยันแล้ว หรือยกเลิกการยืนยันตัวตนของบัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับการยืนยันแล้วของผู้ใช้ดังกล่าวก็ได้

  • (1) ในกรณีที่ผู้ใช้ให้ข้อมูลเท็จแก่บริษัท
  • (2) ในกรณีที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของการตรวจสอบ (ซึ่งบริษัทไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผยมาตรฐานดังกล่าว) ที่บริษัทกำหนดขึ้น
  • (3) นอกจากนี้ ในกรณีที่บริษัทเห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่ผู้ใช้จะใช้งานบัญชี

1.4 บริษัทไม่มีวิธีการหรือนโยบายใด ๆ ที่เป็นการขอหรือนำข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลนิติบุคคล เพื่อนำมาสมัครบัญชีบุคคลธรรมดาหรือบัญชีนิติบุคคลให้กับผู้ใช้งาน ฉะนั้นผู้ใช้งานจะต้องทำการสมัครบัญชีด้วยตนเอง

1.5 การยืนยันตัวตน ผู้ใช้จะต้องดำเนินการลงทะเบียนให้เสร็จสิ้นตามที่กำหนดไว้ และจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนแพลตฟอร์มสำหรับเปิดบัญชี บริษัทและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มมีสิทธิรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลการแสดงตน) และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำการพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้ (KYC) การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ใช้ (CDD) ตามกฎหมายปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายป้องกันและปรามปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพและหากมีการร้องขอโดยบริษัทหรือผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ใช้งานจะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล (ข้อมูลการแสดงตน) และยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเท่าที่จำเป็นในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้งานจะต้องรับผิดชอบในความถูกต้องของข้อมูลที่ได้มอบไว้ให้กับบริษัทหรือผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม

1.6 ผู้ใช้งานตกลงและยอมรับว่าเป็นดุลยพินิจฝ่ายเดียวของบริษัทในการอนุมัติบัญชี และบริษัทอาจปฏิเสธการสร้างบัญชีและการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน

1.7 ผู้ใช้งานตกลงว่าหากท่านให้ข้อมูลใด ๆ ที่ไม่เป็นความจริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่สมบูรณ์ (หรือกลายเป็นไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่สมบูรณ์ในภายหลัง) หากบริษัทหรือผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สมบูรณ์ หรือไม่สอดคล้องกับข้อตกลงนี้ บริษัทหรือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มมีสิทธิที่จะระงับหรือยุติหรือปิดกั้นการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้งานได้ และผู้ใช้งานจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากข้อมูลใด ๆ ที่ไม่เป็นความจริง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่สมบูรณ์แต่เพียงผู้เดียว

ข้อ 2 การปรับปรุงข้อกำหนด

บริษัทสามารถปรับปรุงข้อกำหนดนี้และลักษณะของการบริการ และอื่น ๆ ที่ให้บริการโดยบัญชีได้โดยแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงการปรับปรุงดังกล่าวโดยการประกาศหรือการบอกกล่าวตามที่บริษัทเห็นว่าจำเป็นโดยดุลพินิจฝ่ายเดียวของบริษัทหรือตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ในกรณีที่ผู้ใช้ยังคงใช้งานบัญชีต่อไปหลังจากการปรับปรุง ให้ถือว่าผู้ใช้ดังกล่าวได้ให้ความยินยอมในการปรับปรุงข้อกำหนดนี้และลักษณะการบริการ และอื่น ๆ แล้ว

ข้อ 3 ระยะเวลาการใช้งาน

3.1 ระยะเวลาใช้งานสำหรับบัญชี จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ผู้ใช้มีคำขอใช้งานบัญชีดังกล่าวจนถึงวันที่บัญชีนั้นถูกลบอย่างเสร็จสมบูรณ์

ข้อ 4 ค่าบริการ

4.1 บริษัทจะกำหนดลักษณะ ค่าบริการ และช่องทางการชำระค่าบริการสำหรับบริการอื่น ๆ และจะประกาศหรือบอกกล่าวผู้ใช้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โปรดตรวจสอบเรื่องดังกล่าวข้างต้นในเวลาที่สมัครใช้งานการบริการที่ต้องชำระค่าบริการ

4.2 บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม แผนการบริการที่ต้องชำระค่าบริการโดยแจ้งให้ผู้ใช้ทราบโดยการประกาศหรือบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

ข้อ 5 บัญชีผู้ใช้งาน

5.1 ผู้ใช้จะต้องจัดการรหัสผ่านสำหรับบัญชีด้วยความรับผิดชอบของตนเองอย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ บริษัทจะถือว่าการกระทำใด ๆ และทั้งหลายที่ได้กระทำขึ้นผ่านทางรหัสผ่านที่ได้ลงทะเบียนไว้นั้นเป็นการกระทำของผู้ใช้

5.2 บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับความเสียหายหรือการเสียประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้จากการกระทำที่ได้กระทำผ่านบัญชีไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม

5.3 หากผู้ใช้มีความประสงค์ บริษัทอาจให้ความช่วยเหลือผู้ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีในขอบเขตที่สมเหตุสมผลได้ในบางกรณี ในกรณีดังกล่าว บริษัทสามารถเข้าถึงและดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้งานในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับการให้ความช่วยเหลือก็ได้ นอกจากนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ใช้หรือผู้ใช้งานบัญชี (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้ใช้งาน”) ซึ่งเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น

5.4 ในกรณีที่สัญญาที่เกี่ยวกับการใช้งานบัญชีถูกยกเลิกหรือเสร็จสมบูรณ์ หรือการให้การบริการบัญชีผู้ใช้เสร็จสมบูรณ์ บริษัทสามารถลบข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีที่เกี่ยวข้องและเนื้อหาที่มีการเผยแพร่ผ่านทางบัญชี (หมายถึง ข้อมูลหรือเนื้อหาในรูปแบบที่ผู้ใช้อนุญาตให้มีการส่งผ่านหรือเข้าถึงได้โดยผู้ใช้งานผ่านการใช้งานบัญชี รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ไอคอน ข้อมูลในโปรไฟล์ ข้อความ รูปภาพและภาพเคลื่อนไหวซึ่งส่งโดยผู้ใช้ ต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “เนื้อหา”) โดยดุลพินิจของบริษัท และผู้ใช้จะต้องให้ความยินยอมเพื่อการดำเนินการดังกล่าวด้วย

ข้อ 6 ข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจะดำเนินการตามนโยบายความเป็นส่วนตัวในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

6.2 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ให้กับบุคคลภายนอกเว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ หรือเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย

ข้อ 7 ความรับผิดชอบของผู้ใช้

7.1 ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดนี้ในการใช้งานบัญชี

7.2 ผู้ใช้จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้งานบัญชีโดยการกระทำที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนี้

7.3 ผู้ใช้จะต้องไม่ใช้บัญชีเพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสม

ข้อ 8 การปิดบัญชี

8.1 ผู้ใช้สามารถขอยกเลิกการใช้งานบัญชีได้โดยแจ้งให้บริษัททราบผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด

8.2 หลังจากการยกเลิกบัญชี บริษัทจะเริ่มดำเนินการในการปิดบัญชีโดยทันที

8.3 ผู้ใช้สามารถร้องขอให้บริษัทเปิดเผย แก้ไข เพิ่มเติม และ/หรือ ลบข้อมูลซึ่งระบุตัวตนซึ่งบริษัทได้รวบรวมไว้จากผู้ใช้ โดยที่อย่างไรก็ตาม การเปิดเผย การแก้ไข การเพิ่มเติม และ/หรือ การลบข้อมูลนั้นจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดขึ้นต่างหากโดยบริษัท และอาจจะมีค่าใช้จ่ายแยกต่างหากในบางกรณีด้วย ทั้งนี้ โปรดติดต่อ ณ ที่อยู่ของบริษัท

8.4 ผู้ใช้ตกลงล่วงหน้าว่าข้อมูลทั้งหมดซึ่งได้ลงทะเบียนไว้โดยผู้ใช้เกี่ยวกับการบริการภายใต้ข้อบังคับนี้จะถูกลบเมื่อมีการเลิกสัญญา

8.5 ผู้ใช้ตกลงว่า บริษัทสามารถได้รับข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับการใช้การบริการของผู้ใช้ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลเชิงสถิติ เช่น จำนวนผู้ใช้เฉพาะและจำนวนข้อความ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการและปรับปรุงบัญชีและการบริการ

ข้อ 9 การโอนและพันธมิตรทางธุรกิจ

9.1 บริษัทสามารถโอนการให้การบริการบัญชีผู้ใช้งานบางส่วนให้แก่บริษัทในกลุ่มของบริษัทหรือแก่บุคคลที่สามก็ได้

9.2 บริษัทสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้งานแก่คู่ค้าทางธุรกิจและบุคคลที่สามอื่น ๆ (อย่างไรก็ตาม ไม่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล) เกี่ยวกับผู้ใช้เพื่อจัดให้ซึ่งการทำงานของบัญชีผู้ใช้แก่คู่ค้าทางธุรกิจและเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และอื่น ๆ เป็นต้น ของบุคคลที่สามอื่น ๆ ในการนี้ การเชื่อมโยงของผู้ใช้กับบัญชีทางการ และอื่น ๆ อาจถูกแสดงอยู่บนเว็บไซต์ของคู่ค้าทางธุรกิจหรือบุคคลที่สามอื่น ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทสามารถแสดงตัวชี้แหล่งในอินเทอร์เน็ตของเว็บไซต์ (URL) ซึ่งรวมถึงข้อมูลของผู้ใช้ไว้ที่หุ้นส่วนทางธุรกิจ เผยแพร่การเชื่อมต่อสู่เว็บไซต์ดังกล่าว เป็นต้น ในหน้าบัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้นั้นด้วย

ข้อ 10 การระงับ การเปลี่ยนแปลง และการเสร็จสมบูรณ์ของการบริการ

10.1 ในกรณีของข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ บริษัทสามารถระงับการให้การบริการบัญชีผู้ใช้งานได้ในบางกรณี ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้ระงับบัญชีทางการเป็นการชั่วคราว บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับการระงับดังกล่าวต่อผู้ใช้

(1) ในกรณีของการบำรุงรักษา ตรวจสอบ หรือเรื่องอื่นในทำนองเดียวกัน เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการให้การบริการบัญชีทางการ ซึ่งได้มีขึ้นตามปกติหรือในกรณีฉุกเฉิน
(2) ในกรณีที่มีความล้มเหลว การหยุดทำงาน หรือเรื่องอื่นในทำนองเดียวกัน เกิดขึ้นกับสิ่งอำนวยความสะดวกหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการให้การบริการบัญชีทางการ
(3) ในกรณีที่เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้งานการบริการโทรคมนาคมซึ่งดำเนินการโดยผู้ประกอบธุรกิจโทรคมนาคม
(4) ในกรณีที่มีความยุ่งยากในการให้การบริการบัญชีทางการเนื่องจากไฟดับ ไฟไหม้ แผ่นดินไหวการประท้วงของแรงงาน หรือเหตุสุดวิสัยในรูปแบบอื่น
(5) ในกรณีที่มีสาเหตุเกี่ยวกับการดำเนินการหรือสาเหตุทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทางการอย่างสมเหตุสมผล

10.2 บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงหรือสิ้นสุดการดำเนินการบัญชีผู้ใช้งานทั้งหมดหรือบางส่วนได้โดยการประกาศหรือแจ้งให้ผู้ใช้ทราบในเรื่องดังกล่าว แม้ว่าบริษัทจะได้เปลี่ยนแปลงหรือสิ้นสุดการดำเนินการบัญชีผู้ใช้แล้วไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในเรื่องดังกล่าวต่อผู้ใช้ทั้งสิ้น

11.1 ในกรณีที่ผู้ใช้ได้ละเมิดข้อกำหนดนี้และก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ค่าทนายความที่สมเหตุสมผล) ผู้ใช้จะต้องรับผิดชดใช้ความเสียหายนั้นให้แก่บริษัทโดยทันที

11.2 ในกรณีที่ผู้ใช้ได้รับการการร้องเรียน การอ้างสิทธิ การร้องขอ การเรียกร้อง การคัดค้าน และอื่น ๆ เป็นต้น (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “การร้องเรียน และอื่น ๆ”) จากบุคคลที่สาม เกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้ โดยอ้างว่าสิทธิของบุคคลที่สามนั้นถูกละเมิด ผู้ใช้ดังกล่าวจะต้องดำเนินการและแก้ไขการร้องเรียน และอื่น ๆ นั้นด้วยค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบของตน ทั้งนี้ ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบในความรับผิดทางกฎหมายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานบัญชีผู้ใช้โดยผู้ใช้ด้วยตนเอง และผู้ใช้ตกลงว่าบริษัทจะไม่ต้องรับผิดสำหรับความเสียหายและการรับผิดใด ๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้งานบัญชีผู้ใช้โดยผู้ใช้ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ซึ่งในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียน และอื่น ๆ ผู้ใช้จะต้องชดใช้ความเสียหายดังกล่าวทั้งหมดให้แก่บริษัท นอกจากนี้ ในกรณีที่บริษัทดำเนินการหรือแก้ไขการร้องเรียน และอื่น ๆ ดังกล่าวในนามของผู้ใช้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการดำเนินการและการแก้ไขนั้นด้วย

11.3 บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นแก่ผู้ใช้จากการใช้งานบัญชีผู้ใช้โดยผู้ใช้ โดยที่กรณีดังกล่าวจะไม่บังคับใช้กับความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการจงใจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงโดยบริษัท ในกรณีดังกล่าว บริษัทจะรับผิดชอบในการชดใช้ความเสียหายทั่วไปและความเสียหายโดยตรงที่บริษัทก่อให้เกิดแก่ผู้ใช้ เป็นจำนวนสูงสุดไม่เกินค่าบริการสำหรับบัญชีทางการที่ได้ชำระแล้วโดยผู้ใช้นั้นในเดือนที่ความเสียหายนั้นได้มีขึ้น

12.1 ในกรณีที่บริษัทเห็นว่าข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นกับผู้ใช้หรืออาจจะเกิดขึ้นกับผู้ใช้ บริษัทสามารถระงับบัญชีผู้ใช้ โดยการระงับการใช้งานบัญชีผู้ใช้โดยผู้ใช้เป็นการชั่วคราว หรือบอกเลิกสัญญาต่าง ๆ (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “สัญญา”) กับผู้ใช้ภายใต้ข้อกำหนดนี้ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบแต่อย่างใด และหากมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้ใช้จากการระงับการใช้งานหรือการบอกเลิกสัญญาดังกล่าว บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในเรื่องดังกล่าวแก่ผู้ใช้นั้น

(1) ในกรณีที่บริษัทได้ทราบถึงการมีอยู่ของเหตุในการปฏิเสธคำขอตามที่ระบุไว้ในข้อ 1.3 หลังจากการเริ่มต้นการใช้งานบัญชีผู้ใช้ (ไม่ว่าบัญชีที่เกี่ยวข้องนั้นจะเป็นบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้วหรือไม่ก็ตาม)
(2) ในกรณีที่ผู้ใช้ได้ใช้บัญชีทางการสำหรับวัตถุประสงค์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(3) ในกรณีที่บริษัทเชื่อว่ามีการขาดความน่าเชื่อถือของผู้ใช้
(5) ในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อผู้ใช้ได้ด้วยสาเหตุที่ไม่ใช่ความผิดของบริษัท
(6) ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่เข้าสู่บัญชีของตนภายในระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดขึ้นโดยบริษัท
(7) นอกเหนือจากกรณีที่ได้ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ผู้ใช้ได้ดำเนินการที่บริษัทเห็นว่าไม่เหมาะสม

ข้อ 13 การรักษาข้อมูลความลับ

ผู้ใช้ตกลงที่จะดูแลรักษาข้อมูลความลับของคู่สัญญาอีกฝ่ายเพื่อให้เป็นความลับต่อไป จะไม่เปิดเผยข้อมูลความลับหรือยินยอมให้บุคคลอื่นรับทราบ หรือใช้ข้อมูลความลับ โดยจะใช้มาตรฐานการดูแลข้อมูลความลับนั้นเสมือนกับการดูแลรักษาข้อมูลความลับที่สุดของตนเองเป็นอย่างน้อย เว้นแต่ จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท

ข้อ 14 ข้อตกลง

ข้อห้าม ข้อควรระวัง และอาการไม่พึงประสงค์

การนวดเพื่อสุขภาพเป็นกระบวนการสัมผัสด้วยมือเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ด้วยรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกด คลึง บีบ จับ ดัด ดึง ซึ่งมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ หากทำไม่ถูกวิธีหรือกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างหรือภาวะบางประการ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพและผู้ให้บริการนวดเพื่อสุขภาพจำเป็นต้องทำมีความเข้าใจและจดจำข้อห้ามและข้อควรระวังต่าง ๆ ดังนี้

1. ข้อห้าม

1.1 ผู้กดทับจากสาเหตุต่าง ๆ
1.2 ผู้ป่วยโรคผิวหนังที่มีการติดเชื้อ
1.3 ผู้ป่วยโรคติดต่อทุกชนิด เช่น วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ไข้พิษ ไข้กาฬ บริเวณที่เป็นมะเร็งเพราะอาจทำให้มะเร็งกระจายตัว
1.4 ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงเกิน 160/100 มิลลิเมตรปรอท
1.5 ห้ามนวดบริเวณที่เป็นแผล แผลเปิด และบริเวณที่อักเสบหรือเป็นฝีบริเวณที่ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก บริเวณที่รอยโรคผิวหนังที่ยังไม่หายสนิท

2. ข้อควรระวัง

2.1 เด็ก หญิงมีครรภ์ และผู้สูงอายุ
2.2 โรคหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดโป่ง หลอดเลือดอักเสบ หลอดเลือดแข็งตัว เป็นต้น
2.3 โรคเบาหวาน
2.4 โรคกระดูกพรุน
2.5 มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด หรืออยู่ในระหว่างการได้รับยาละลายลิ่มเลือด
2.6 บริเวณที่เคยได้รับการผ่าตัด ใส่เหล็ก หรือข้อเทียม
2.7 บริเวณบาดแผลที่ยังไม่หายสนิทดี
2.8 บริเวณที่ทำศัลยกรรมตกแต่ง

3. อาการไม่พึงประสงค์

ภายหลังการนวดเพื่อสุขภาพอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายได้ หากผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญ หรือได้รับการฝึกทักษะไม่เพียงพอ การลงน้ำหนักไม่เหมาะสม และตำแหน่งที่น้ำหนักผิดตำแหน่ง ซึ่งก่อให้เกิดการฟกช้ำได้ การเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยตามร่างกาย รวมถึงก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ

1. ระดับไม่รุนแรง เป็นอาการที่เกิดกับร่างกาย ที่สามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน ไม่ต้องพบแพทย์ สามารถดูแลตนเองได้ที่บ้าน เช่น หน้ามืด มึนศีรษะ กล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อย
2. ระดับรุนแรง เป็นอาการที่ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ เช่น อัมพาต หัวใจล้มเหลว รากประสาทไขสันหลังส่วนล่างบาดเจ็บ

ผู้ใช้ตกลงและปฏิบัติตามข้อตกลง ข้อ 14 อย่างเคร่งครัดใน กรณีที่ผู้ใช้บริการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงและก่อให้เกิดความเสียหายหรืออุบัติแก่ผู้ให้บริการหรือผู้ใช้บริการบริษัทถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ต้องชดใช้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น

จังหวัดที่พนักงานนวดพร้อมให้บริการ

ขอนแก่น

น่าน

นครราชสีมา

หนองคาย

ศูนย์ความช่วยเหลือ

คำถามที่พบบ่อย

นโยบายส่วนบุคคลและข้อกำหนดในการใช้บริการ

Copyright 2024 BNdelivery Co., Ltd | all rights reserved